วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2558

Destiny of love ตอนที่ 9

Destiny of love ตอนที่ 9

Destiny of love ตอนที่ 9 เทพนิยาย?”

( 19 มิถุนายน 2556
14.30 น.
ไอ้วิวๆ
อะไร
วันนี้พากูไปหาความรู้หน่อยสิ
ความรู้?”
ใช่ๆๆ
โฮ้...มาแปลกเนอะมึงวันนี้...แล้วมึงจะไปที่ไหนยังไงแต่กูว่าแบบมึงนี่คงไม่ใช่การอ่านหนังสือใช่ป่ะ
โธ่ไอ้เพื่อนเสียใจด้วยแต่วันนี้กูเกิดอยากอ่านหนังสือขึ้นมาว่ะ
เฮ้ยๆๆจริงเรอะ...กินยาผิดขวดรึเปล่ามึง
เถอะน่าวันนี้กูอยากเข้าห้องสมุด
ห้องสมุด?...เอาจริงดิ
เออ...มึงรีบๆเก็บของเถอะเดี๋ยวไม่ทัน
ไม่ทัน?”
“..............................................................”
วันนี้ไม่รู้ไอ้ซิกมันเป็นอะไรพออาจารย์ปล่อยเสร็จมันก็รีบตรงเข้ามาหาผมทันทีแล้วก็พูดเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ขึ้นมา...แต่จะว่าไปผมก็ว่างอยู่ด้วยแล้วก็กำลังอยากไปเยี่ยมชมห้องสมุดของมหาลัยอยู่ดีเห็นเค้าบอกกันว่าใหญ่โตมากเลยแล้วท่าทางจะเป็นที่ที่เงียบสงบดีด้วย...ผมเลยออกมากับไอ้ซิกมัน
............................................................................
พอออกจากห้องมาได้ไม่นานพวกเราก็ถึงที่หมายแล้วก็ดูเหมือนบรรยากาศภายนอกจะร่มรื่นมากด้วยแต่เหมือนว่าข้างในคนจะเยอะพอดูเลยแฮะ
“...หนังสือไม่หนีมึงหรอกจะรีบอะไรนักหนาว่ะ
มึงรีบเข้ามาเร็วๆเถอะ
“...คนเยอะว่ะ
เรื่องปกติเว้ยแต่มึงดูโน่นก่อน
(อ่ะ...สาวแว่นในห้องสมุดหน้าตาน่ารักดีด้วย)
พอเข้ามาข้างในและยังไม่ทันจะได้ไปไหนไกลไอ้ซิกก็ชี้ไปทางกลุ่มสาวแว่นที่ดูเหมือนจะเคร่งเรียนทำให้ผมรู้ทันทีว่าที่จริงแล้วมันไม่ได้จะมาอ่านหนังสือจริงๆหลอกเพียงแต่จะมานั่งมองสาวๆในห้องสมุดล่ะส

กูว่านะ--
นั่งอยู่ตรงนั้นอีกคน
(สาวสวยที่กำลังพักสายตาจากการอ่านหนังสือด้วยการหลับตาแหงนหน้ามองเพดาน...ดะเดี๋ยวเสือคุณเธอรัดรูปไปหรือเปล่า)
“...หึๆๆ...แบบนี้นี่เอง
อะไรว่ะ?”
มึงไม่ได้คิดจะมาอ่านหนังสือ...บริเวณนี้...เป็นพื้นที่สำหรับเหล่าโอตาคุคลั่งไคล้สาวแว่นชัดๆ
“555555+--”
เบาๆไอ้ห่านี่ในห้องสมุดนะเว้ย...เค้ามองกันเต็มแล้ว
เออๆๆ...งั้นแยกกันตรงนี้นะเว้ยไปพร้อมกันเดี๋ยวเสียงดัง
“?...แล้วนั่นมึงจะถือหนังสือไปไหน
เนียนไง
เนียน?”
“....”
“... ”
สวัสดีคร๊าบคนสวย...อ่านเล่มเดียวกันอยู่เลยขอนั่งอ่านด้วยคนได้ไหมคร๊าบ...
จงใจ...ชัดๆ
..................................................................
(มาปล่อยกูทิ้งไว้แบบนี้เนี่ยนะ!...ไม่มีที่ว่างให้นั่งแล้วมั้งนี่)
ตอนนี้ไอ้ซิกก็ได้ที่นั่ง(เนียน)เป็นที่เรียบร้อยแต่ผมยังไม่รู้ว่าจะไปนั่งตรงไหนดีเพราะเหมือนจะเต็มหมดแต่ก็ยังดีที่ห้องสมุดที่นี่เหมือนจะไม่ได้มีแค่ชั้นเดียวเพราะผมเหลือบไปเห็นทางเดินขึ้นชั้นสองเลยตัดสินใจเดินขึ้นไปดู
พอขึ้นมาถึงชั้นนี้ผมก็มองไปรอบๆห้องก็เหมือนว่าคนจะบางตากว่าชั้นแรกมากแล้วก็เห็นจะมีแต่พวกพี่ปีสี่นั่งอ่านหนังสือกันอยู่โต๊ะละคนหรือสองคนเอง...พอเห็นชั้นนี้ว่างพอสมควรผมเลยเดินเข้าไปหยิบหนังสือที่อยู่บนชั้น
“...วิวจ๊ะ
“?...อ่ะ...สวัสดีครับอาจารย์กิ่ง
สวัสดีจ่ะ...มาอ่านหนังสือเหมือนกันหรอ
ใช่ครับ...แล้วอาจารย์มานานยังครับ
มาประมาณชั่วโมงนึงแล้วจ่ะ...หว๊าคุยกันจนพี่บรรณารักษ์เค้ามองมาทางนี้แล้ว...ตามอาจารย์มาทางนี้สิจ๊ะ
“?”
...................................................................
“...ทางโน้นเค้านั่งกันอยู่สามคนเรานั่งฝั่งนี้ดีกว่านะเวลาคุยกันจะได้ไม่รบกวนเค้า...นั่งสิจ๊ะวิว
“...ชั้นนี้ไม่ค่อยมีคนเลยนะครับ
อาจารย์ก็แปลกใจเหมือนกันจ่ะ...แต่ก็คงจะเป็นเพราะต้องเดินขึ้นมาสูงเค้าเลยอยู่แค่ชั้นสองกันน่ะ
แสดงว่าอาจารย์กิ่งมาที่นี่บ่อยใช่ไหมครับ
ตั้งแต่เปิดเทอมมาก็มาเกือบทุกวันแหละจ่ะแต่อาจารย์ก็เพิ่งจะขึ้นมาชั้นนี้เป็นครั้งที่สองเอง
ทำไมหรอครับ
อาจารย์ก็ไม่อยากเดินขึ้นมาสูงๆเหมือนกันนะจ๊ะ...เหนื่อยน่ะคิคิ
แต่ผมชอบนะครับ
ชอบ?”
ไม่ได้หมายถึงเรื่องเดินขึ้นลงชั้นสามนะครับ...แต่ชอบที่บรรยากาศของชั้นนี้ดูจะเงียบสงบดีนะครับ...แบบนี้ถ้าว่างๆแอบมานอนเค้าจะว่าอะไรรึเปล่านะ
จริงหรอจ๊ะ
“555+ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับแต่ดูเหมือนตรงนั้นจะมีโซฟายาวให้ด้วย
จร้าๆงั้นมาวันไหนก็ชวนอาจารย์มาด้วยนะจ๊ะ
จริงหรอครับ
ถ้ามานั่งอ่านหนังสือด้วยกันก็น่าจะสนุกกว่าใช่ไหมจ๊ะเวลาอ่านคนเดียวชวนให้จะหลับตลอดเลย
งั้นถ้าว่างตรงกันนะครับ
จ่ะ...หนังสือเล่มนั้น
อ่อเมื่อกี้พอดีหยิบติดมือมาน่ะครับ
อาจารย์ชอบมากเลยนะจ๊ะเรื่องนี้
“?”
แปลกใจอะไรหรอค๊า
แปลกใจตรงนี้อาจารย์กิ่งชอบอ่านเทพนิยายนี่แหละครับ
ก็มีเรื่องนี้เรื่องเดียวแหละจ่ะ...อาจารย์ชอบมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว
“....ราชินีหิมะ...เทพนิยายของ แอนเดอร์เซน สินะครับ
ใช่จ่ะTHE SNOW QUEEN เป็นหนึ่งในเทพนิยายของ Hans Christian Andersen”
(ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน?)
แล้วเนื้อเรื่องเป็นยังไงหรอครับ
วิวอยากฟังเหรอจ๊ะ
ครับ
ได้จ่ะ...งั้นก็ต้องเริ่มจาก...
""ตอนที่หนึ่ง กระจกเงาที่แตกเป็นชิ้น""
ปีศาจร้ายตนหนึ่งสร้างกระจกเงาขึ้นมาบานหนึ่งมันเป็นกระจกวิเศษที่สะท้อนภาพของสิ่งสวยงามให้บิดเบี้ยวกลายเป็นสิ่งอัปลักษณ์ และทำให้สิ่งอัปลักษณ์แลดูเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม
บรรดาปีศาจทั้งหลายต่างตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากนำกระจกบานนี้ไปเล่นสนุกจนทั่วทุกหนทุกแห่งบนโลกแล้วพวกมันก็เหิมเกริมจนคิดจะนำกระจกเงาขึ้นไปล้อเล่นกับพระเจ้าบนสรวงสวรรค์...ทว่าขณะที่กำลังบินขึ้นไปบนฟ้ากระจกเงาก็ลื่นหลุดจากมือของพวกมันร่วงหล่นลงมากระทบพื้นดินและแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เศษกระจกทั้งเล็กทั้งใหญ่จำนวนมากมายมหาศาลกระจัดกระจายไปทั่วทั้งโลก บางชิ้นถูกนำไปทำเป็นหน้าต่าง แว่นตา...บางชิ้นที่ขนาดเล็กยิ่งกว่าเม็ดทรายก็อาจปลิวเข้าไปฝังอยู่ในดวงตาของใครสักคน
""ตอนที่สอง เด็กชายคนหนึ่งกับเด็กหญิงคนหนึ่ง""
...ในเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง มีเด็กชายชื่อเคย์และเด็กหญิงชื่อเกอร์ดา...ครอบครัวทั้งคู่อาศัยอยู่ในห้องใต้หลังคาของบ้านที่อยู่ติดกันซึ่งมีหน้าต่างหันหน้าเข้าหากัน...พวกเขานำกล่องไม้ใบใหญ่สองใบมาวางพาดบนหลังคาระหว่างหน้าต่างทั้งสองบานและทำเป็นกระถางกุหลาบ
เด็กทั้งสองมักจะออกมาเล่นด้วยกันบนนั้นเสมอยกเว้นในฤดูหนาวที่มีหิมะตก
ถึงแม้จะยากจนแต่ทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจนกระทั่งวันที่เศษแก้วชิ้นหนึ่งจากกระจกบานนั้นปลิวเข้าตาและอีกชิ้นฝังเข้าไปในหัวใจของเคย

หลังจากนั้นเคย์ก็เปลี่ยนจากเด็กชายผู้อ่อนโยนกลายเป็นเด็กเกเร...เศษกระจกทำให้เขามองสิ่งต่างๆผิดเพี้ยนไปและทำให้จิตใจของเขาหยาบกระด้าง
วันหนึ่งในฤดูหนาว
เคย์ออกไปเล่นเลื่อนที่จัตุรัสในเมืองกับเด็กชายคนอื่น...ท่ามกลางหิมะที่โปรยปราย เลื่อนสีขาวคันใหญ่แล่นเข้ามา...คนที่นั่งอยู่บนนั้นสวมเสื้อคลุมและหมวกขนสัตว์สีขาว...เคย์นึกเล่นสนุกด้วยการนำเลื่อนคันเล็กของตัวเองผูกกับเลื่อนสีขาวคันนั้นแล้วเด็กชายกับเลื่อนของเขาก็ถูกลากออกไปนอกเมืองฝ่าพายุหิมะที่พัดกระหน่ำไกลออกไปในที่สุดเลื่อนคันใหญ่ก็หยุดลง
ท่ามกลางความหนาวเย็น หญิงสาวในชุดขาวรับเคย์ขึ้นไปบนเลื่อนของเธอ...เธอจูบเขาที่หน้าผากทำให้เขาไม่รู้สึกหนาวอีกต่อไป...เธอจูบเขาอีกครั้งทำให้เขาลืมเกอร์ดาและทุกคนที่บ้านจนหมดแล้วเลื่อนก็ลอยสูงขึ้นไปบนฟากฟ้า พาทั้งคู่ไปสู่ดินแดนอันห่างไกล...
""ตอนที่สาม สวนดอกไม้ของหญิงผู้มีเวทมนตร์""
...หลังจากนั้นไม่มีใครได้เห็นเคย์อีกเลย ทุกคนคิดว่าเคย์พลัดตกแม่น้ำและจมน้ำตายไปแล้ว...เกอร์ดาคือคนที่ร้องไห้มากที่สุดแต่เธอเชื่อว่าเขายังมีชีวิตอยู่อย่างน้อย แสงอาทิตย์กับเหล่านกกระจอกก็บอกเธอเช่นนั้น
วันหนึ่งเมื่อฤดูหนาวอันยาวนานและหม่นหมองสิ้นสุดลงเกอร์ดาสวมรองเท้าสีแดงคู่ที่เธอชอบมากที่สุดออกจากบ้านไปในยามเช้าตรู่...เด็กน้อยไปที่แม่น้ำนอกเมืองและถามสายน้ำว่า...เธอพาเพื่อนตัวน้อยของฉันไปจริงหรือไม่...ฉันจะมอบรองเท้าสีแดงคู่นี้ให้ถ้าเธอนำเขากลับมาหาฉัน...เธอโยนสมบัติที่มีค่ามากที่สุดของตัวเองลงไปในแม่น้ำ
กระแสธารพัดรองเท้าสีแดงกลับมาเกยฝังเพราะสายน้ำไม่ได้นำตัวเคย์ของเธอไปแต่เกอร์ดาคิดว่าเธอโยนรองเท้าออกไปไม่ไกลพอเธอลงไปบนเรือที่จอดอยู่กลางกอหญ้าและเดินไปที่สุดปลายด้านหนึ่งเพื่อโยนรองเท้าออกไปอีกครั้งโดยที่ไม่รู้ว่าเรือไม่ได้ถูกผูกเอาไว

เรือลอยห่างจากฝั่งและไหลไปตามกระแสน้ำ ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าเกอร์ดาไม่พบใครที่จะช่วยเธอได้เลย...จนกระทั่งเรือลอยผ่านบ้านหลังเล็กกลางสวนเชอร์รี่หลังหนึ่ง
เด็กน้อยตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ หญิงชราคนหนึ่งออกมาจากบ้านและช่วยดึงเรือเข้าฝั่ง...เธอถือไม้เท้าและสวมหมวกปีกกว้างประดับดอกไม้สวยงาม...เมื่อเธอถาม
เด็กหญิงก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้หญิงชราฟังและถามเธอว่าเห็นเคย์บ้างหรือไม่หญิงชราตอบว่าเขาไม่ได้ผ่านมาทางนี้และชวนเด็กน้อยเข้าไปพักในบ้านกินเชอร์รี่และชมสวนดอกไม้ของเธอ
ขณะที่หญิงชราหวีผมให้เกอร์ดาด้วยหวีทองคำ เด็กหญิงก็ค่อยๆลืมเรื่องราวเกี่ยวกับเคย์ไปทีละน้อย...หญิงชราต้องการให้เคอร์ดาอยู่กับเธอตลอดไปเธอจึงร่ายมนตร์ให้ต้นกุหลาบทุกต้นในสวนดอกไม้จมหายลงไปในดินเพราะเธอเกรงว่าเมื่อเกอร์ดาเห็นพวกมันเธอจะจำเรื่องของเคย์ได้และหนีไป
วันเวลาผ่านไป เกอร์ดาใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของหญิงชราอย่างสนุกสนาน...เธอมักจะออกไปเล่นกับดอกไม้นานาชนิดในสวนเสมอ...เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไปแต่เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไรจนกระทั่งวันหนึ่งเธอนั่งมองหมวกของหญิงชราและเห็นดอกกุหลาบดอกหนึ่งที่หญิงชราลืมเสกให้หายไป
เกอร์ดารีบไปตามหาดอกกุหลาบที่แปลงดอกไม้ เธอร้องไห้เพราะไม่พบกุหลาบแม้แต่ดอกเดียว เมื่อน้ำตาของเด็กน้อยหยดลงดิน ต้นกุหลาบที่หายไปก็งอกขึ้นมาใหม่พร้อมกับแย้มดอกบานสะพรั่งทำให้เธอนึกถึงเคย์อีกครั้ง
ฉันควรจะกำลังตามหาเคย์อยู่ พวกเธอรู้หรือเปล่าว่าเคย์อยู่ที่ไหน เขาตายหรือยัง
เธอถามดอกกุหลาบ
เขายังไม่ตาย พวกเราลงไปอยู่ใต้ดินซึ่งเป็นที่อยู่ของคนตาย แต่เราไม่พบเคย์ที่นั่น
ทว่าบรรดากุหลาบและดอกไม้ทุกดอกในสวนก็ไม่สามารถบอกเกอร์ดาได้ว่าเด็กชายอยู่ที่ไหน
...เด็กหญิงตัดสินใจหนีออกจากบ้านของหญิงชราทันที เธอวิ่งออกจากสวนดอกไม้ด้วยเท้าเปล่าและวิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดแรง
เกอร์ดาเพิ่งตระหนักว่าฤดูร้อนได้ผ่านพ้นไปนานแล้ว..ภายนอกอาณาเขตบ้านของหญิงชราที่ดอกไม้แบ่งบานตลอดกาล เวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่ปลายฤดูใบไม้ร่วง
เธอลุกขึ้น วิ่งต่อไป เพื่อตามหาเคย์...
""ตอนที่สี่ เจ้าชายกับเจ้าหญิง""
...เมื่อเกอร์ดาหยุดพักอีกครั้ง กาตัวใหญ่เข้ามาทักทายเธอ...เธอถามมันว่าเห็นเคย์บ้างหรือไม่ ฉันอาจจะเห็น ฉันอาจจะเห็น! กาตอบ ฉันคิดว่าเขาคนนั้นอาจจะเป็นเคย์ก็ได้ แต่ถ้าใช่ละก็ เขาคงจะลืมเธอไปแล้วล่ะ เพราะตอนนี้เขาอยู่กับเจ้าหญิง
แล้วเจ้ากาก็เล่าเรื่องทุกอย่างที่มันรู้ให้เกอร์ดาฟัง
.....
ในอาณาจักรนี้มีเจ้าหญิงที่ฉลาดมากอยู่องค์หนึ่ง...พระองค์ต้องการอภิเษกกับชายที่ฉลาดเท่ากับพระองค์...เจ้าหญิงลงประกาศในหนังสือพิมพ์ว่า ชายหนุ่มทุกคนสามารถไปยังพระราชวังและสนทนากับเจ้าหญิงได้เจ้าหญิงจะเลือกคนที่พูดได้ดีที่สุดเป็นพระสวามีของตน...ทันทีที่ทราบข่าวชายหนุ่มจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลไปยังพระราชวังของเจ้าหญิงแต่ไม่ว่าพวกเขาจะพูดเก่งแค่ไหนเมื่อแต่ละคนได้ไปอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ทุกคนต่างประหม่าจนพูดอะไรไม่ออกกันหมดไม่มีใครชนะใจเจ้าหญิงได้เลยจนกระทั่งเด็กหนุ่มที่มีดวงตาเป็นประกายและผมยาวสวยงาม แต่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าซ่อมซ่อมาถึง...เขาพูดคุยกับเจ้าหญิงในพระราชวังอันหรูหราท่ามกลางข้าราชบริพารมากมายได้โดยไม่ตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย...เขาไม่ได้มาเพื่อเกี้ยวพาราสีเจ้าหญิงแต่มาเพื่อชื่นชมสติปัญญาของพระองค์ แล้วทั้งสองคนก็หลงรักกันและกัน...
....
...เกอร์ดามั่นใจว่าเด็กหนุ่มคนนั้นคือเคย์ของเธอแน่นอน
เด็กสาวขอร้องให้นกกาพาเธอไปหาเขา
เจ้ากาบอกว่าหวานใจของมันซึ่งอาศัยอยู่ในปราสาทสามารถช่วยเธอได

ในคืนนั้นกาทั้งสองพาเด็กสาวแอบเข้าไปสวนของปราสาทผ่านทางลับขึ้นไปยังห้องบรรทมของเจ้าหญิง...ระหว่างทางเงาของฝูงม้าและคนขี่ม้าบนกำแพงวิ่งผ่านพวกเขาไปมากมาย...เจ้ากาหวานใจบอกว่านั่นคือความฝันของคนในพระราชวังแสดงว่าพวกเขากำลังหลับอยู่...พวกเขามาถึงห้องบรรทมซึ่งมีเตียงรูปร่างเหมือนดอกลิลลี่สองดอกติดกับก้านทองคำตั้งอยู่กลางห้องเกอร์ดาเห็นเจ้าหญิงนอนอยู่ในดอกลิลลี่สีขาวและในดอกลิลลี่สีแดงอีกดอกหนึ่งมีใครบางคนกำลังหลับอยู

เด็กหญิงร้องเรียกชื่อเคย์ เงาความฝันบนหลังม้าวิ่งกลับมายังห้อง เด็กหนุ่มตื่นขึ้นทันที แต่เขาไม่ใช่คนที่เธอกำลังตามหา
เจ้าหญิงรู้สึกตัวตื่นขึ้นเช่นกัน
เด็กหญิงตัวน้อยร้องไห้และเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พวกเขาฟัง
เจ้าชายยกเตียงของเขาให้เกอร์ดานอนต่อ แล้วความฝันก็ออกมาโบยบินอีกครั้ง
เงาความฝันของเกอร์ดามีรูปร่างเหมือนเหล่าเทวทูตกำลังลากเลื่อนคันเล็กที่มีเคย์นั่งอยู่ และเด็กชายตัวน้อยกำลังโบกมือให้เธอ
วันรุ่งขึ้น เด็กหญิงถูกแต่งตัวด้วยชุดผ้าไหมและผ้ากำมะหยี่อย่างสวยงาม
เจ้าหญิงกับเจ้าชายชวนให้เธออยู่กับพวกเขาในพระราชวัง แต่เธอขอเดินทางต่อเพื่อตามหาเคย์ ทั้งคู่จึงมอบ รองเท้าบูท ถุงมือ รถม้าทองคำ พร้อมด้วยคนขับรถ คนรับใช้ และคนขี่ม้าให้กับเธอ
พวกเขาบอกลาเด็กน้อย เมื่อเธอเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง...
""ตอนที่ห้า แม่เสือน้อย""
...รถม้าทองคำเป็นที่สะดุดตาของโจรอย่างมาก รถม้าของเกอร์ดาถูกดักปล้นพวกโจรฆ่าคนอื่นๆที่เดินทางมากับเธอตายหมด...นางโจรแก่ที่มีเคราวยาวแข็งกระด้างและคิ้วยาวลงมาปิดตากำลังฆ่าเธอเพื่อนำมากินเป็นอาหารแต่ลูกสาวของสาวเข้ามาห้ามไว้ได้ทัน เพราะเธอต้องการเก็บเกอร์ดาไว้เป็นเพื่อนเล่นของเธอ
พวกเขาไม่ฆ่าเธอหรอก ถ้าฉันไม่โกรธเธอ
ถึงแม้ฉันจะโกรธเธอ พวกเขาก็ไม่ฆ่าเธอ เพราะฉันจะเป็นคนฆ่าเธอเอง
แม่เสือน้อยยึดรถม้า เสื้อผ้าสวยงาม ถุงมือและรองเท้าไปและพาเกอร์ดาไปยังปราสาทของพวกโจร...เธอมีสัตว์เลี้ยงเป็นฝูงนกพิราบป่าและกวางเรนเดียร์หนึ่งตัว เธอให้เกอร์ดานอนบนฟูกกับเธอ เหนือที่นอนเป็นที่เกาะของนกพิราบ
พวกนกบอกเกอร์ดาว่า
กุ๊ก กรู... พวกเราเห็นเคย์ เขานั่งอยู่บนเลื่อนของราชินีหิมะ
ราชินีหิมะคงจะไปที่แลพแลนด์ ที่ซึ่งมีหิมะและน้ำแข็งตลอดเวลา ลองถามกวางเรนเดียร์ดูส

ใช่ เจ้ากวางตอบ
ราชินีหิมะมีกระโจมฤดูร้อนอยู่ที่นั่น แต่ฐานที่มั่นของเธอคือปราสาทใกล้ขั้วโลกเหนือบนเกาะที่ชื่อสปิตซ์เบอร์เกน
เช้าวันรุ่งขึ้น เกอร์ดาเล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่เสือน้อยฟัง แม่เสือน้อยตกลงช่วยเธอตามหาเคย์.. ลูกสาวนางโจรหาโอกาสในช่วงที่แม่ของเธองีบหลับและสั่งให้กวางเรนเดียร์พาเกอร์ดาหนีไปเธอคืนรองเท้าบูทและมอบถุงมือของแม่ให้กับเด็กน้อยเพื่อปกป้องเธอจากความเหน็บหนาว
เกอร์ดาขี่หลังเจ้ากวางและออกเดินทางไกลขึ้นไปทางเหนือจนถึงแลพแลนด์...
""ตอนที่หก ผู้หญิงชาวแลพพ์และผู้หญิงชาวฟินน์""
...กวางเรนเดียร์พาเกอร์ดามาหยุดหน้ากระท่อมเล็กๆอันแสนหนาวเย็นซึ่งไม่มีใครอยู่นอกจากหญิงชราชาวแลพพ์ผู้หนึ่ง
เจ้ากวางเล่าเรื่องของเกอร์ดาให้หญิงชราฟัง นางบอกว่าทั้งคู่ต้องเดินทางอีกหลายร้อยไมล์ไปหาผู้หญิงชาวฟินน์ที่อาศัยอยู่ที่ฟินน์มาร์คซึ่งจะช่วยพวกเขาได้ดีกว่านาง
เพราะราชินีหิมะใช้เวลาในช่วงวันหยุดอยู่ที่นั่น..นางเขียนจดหมายลงบนหนังปลาค็อด และมอบให้เกอร์ดานำไปส่งให้กับหญิงชาวฟินน์
เจ้ากวางพาเด็กน้อยวิ่งไปภายใต้แสงเหนือที่ส่องประกายระยิบระยับบนฟ้า
ในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงกระท่อมของผู้หญิงชาวฟินน์ ภายในนั้นร้อนมากจนเด็กน้อยต้องถอดถุงมือและรองเท้าออก...หญิงตัวเล็กมอมแมมโยนหนังปลาลงหม้อซุปหลังจากจำข้อความได้จนขึ้นใจ...กวางเรนเดียร์อ้อนวอนให้นางช่วยเกอร์ดาเพราะมันรู้ว่านางฉลาดและมีเวทมนตร์มาก
เคย์อยู่กับราชินีหิมะอย่างแน่นอน ที่ซึ่งเขาอยู่อย่างสุขสบายเขาคิดว่าที่นั่นเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในโลกเพาะเศษแก้วซึ่งฝังอยู่ในหัวใจและดวงตาของเขา
หากไม่นำมันออกมาเขาจะไม่มีวันกลับเป็นมนุษย์ได้อีกและราชินีหิมะควบคุมเขาด้วยพลังของเธอ
เจ้ากวางขอร้องให้นางมอบพลังเพื่อใช้ต่อสู้กับราชินีหิมะให้กับเกอร์ดา แต่นางตอบว่า
ฉันไม่สามารถให้พลังที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าที่ตัวเธอมีอยู่แล้ว
เจ้าไม่เห็นหรือว่าทั้งมนุษย์และสัตว์ต่างก็ต้องช่วยเหลือเธอ
และเธอมาไกลเพียงใดในโลกกว้าง ตั้งแต่ที่เธอออกเดินทางด้วยเท้าเปล่า
เธอไม่ต้องการพลังจากเรา
จิตใจของเธอแข็งแกร่งเพราะเธอเป็นเด็กผู้อ่อนหวานไร้เดียงสา
หากเธอไม่สามารถไปหาราชินีหิมะและเอาเศษแก้วเหล่านั้นออกจากตัวของเคย์ด้วยตัวของเธอเองแล้วพวกเราก็ไม่สามารถช่วยเธอได้
สวนของราชินีหิมะอยู่ห่างออกไปจากที่นี่ราวแปดไมล์
เจ้าพาเธอไปส่งที่นั่นได้แต่ต้องรีบกลับมาทันท

หญิงชาวฟินน์อุ้มเกอร์ดาขึ้นบนหลังกวาง
เจ้ากวางออกวิ่งทันทีและวางเธอลงตรงที่หญิงชาวฟินน์บอก...เด็กหญิงตัวน้อยต้องทนต่อความเหน็บหนาวอันทารุณเพราะเธอลืมถุงมือและรองเท้าไว้ที่บ้านหลังนั้น...เธอวิ่งออกไปเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พายุเกล็ดหิมะโหมกระหน่ำใส่เข้าใส่เธอ แต่พวกมันไม่ได้ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า ผืนนภาใสกระจ่างไร้เมฆบดบัง แสงเหนือส่องประกายเจิดจ้า พวกมันโจมตีจากบนพื้นดิน
เกล็ดหิมะรูปร่างเหมือนสัตว์ประหลาดน่าสะพรึงกลัวขยายขนาดขึ้นเมื่อจู่โจมเข้ามาใกล

พวกมันคือองครักษ์ที่มีชีวิตของราชินีหิมะ
เมื่อเด็กน้อยสวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า อากาศหนาวยะเยือกจนลมหายใจของเธอกลายเป็นควัน...หมอกควันนั้นหนาขึ้นและหนาขึ้นจนกลายสภาพเป็นกองทัพเทวทูตสวมหมวกเกราะ มือถือหอกและโล่
เหล่าเทวทูตทำลายเกล็ดหิมะทั้งหมดจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเปิดทางสู่พระราชวังของราชินีหิมะให้กับเธอ
ในที่สุดเกอร์ดาก็มาถึงจุดหมาย
เคย์อยู่ใกล้เพียงเอื้อมแต่เขาไม่มีเธออยู่ในหัวใจอีกต่อไปแล้ว...
""ตอนที่เจ็ด สิ่งที่เกิดขึ้นในพระราชวังของราชินีหิ""
...มะและภายหลังต่อมาผนังของวังทำจากลมหิมะ หน้าต่างและประตูคือสายลมบางเฉียบ ห้องโถงนับร้อยรูปร่างเหมือนหิมะกำลังล่องลอย
ห้องที่ใหญ่ที่สุดทอดยาวออกไปหลายไมล์
ทั้งพระราชวังสว่างเรืองรองด้วยแสงเหนือ
ทุกห้องช่างใหญ่โตงดงาม สว่างจ้าระยิบระยับ ทว่าแลดูว่างเปล่า เงียบเหงา เย็นชา ปราศจากความสดใสและรื่นเริง...แสงเหนือกระพริบแวววาวเป็นจังหวะในห้องของราชินีหิมะอันกว้างใหญ่และว่างเปล่า
ณ ใจกลางห้องคือทะเลสาบน้ำแข็ง
แผ่นน้ำแข็งแตกเป็นชิ้นนับพันชิ้นซึ่งแต่ละแผ่นมีรูปร่างเหมือนกัน ราชินีหิมะจะนั่งอยู่กลางทะเลสาบเมื่อเธออยู่บ้าน
เธอเรียกทะเลสาบนี้ว่า กระจกแห่งเหตุผล
ผิวเคย์ซีดจนกลายเป็นสีน้ำเงินคล้ำ แต่เขาไม่หนาวเพราะจูบของราชินีหิมะทำให้เขาไร้ความรู้สึกและเปลี่ยนหัวใจของเขาให้กลายเป็นน้ำแข็ง...เด็กชายกำลังนำเศษน้ำแข็งมาเรียงต่อกันเป็นตัวอักษรเพื่อสร้างคำต่างๆแต่เขาไม่อาจสร้างคำคำหนึ่งขึ้นมาได้ คำเดียวเท่านั้นที่เขาต้องการ
นิรันดร
ราชินีหิมะบอกเขาว่า
หากเธอสามารถทำได้ เธอจะเป็นอิสระ และฉันจะมอบโลกทั้งใบกับรองเท้าสเกตคู่ใหม่ให้เธอแล้วราชินีก็จากไปเพื่อเดินทางไปสร้างฤดูหนาวในประเทศเขตอบอุ่น...เคย์นั่งขบคิดอย่างโดดเดี่ยวในห้องกว้างใหญ
่ แม้จะพยายามสะกดคำนั้นเพียงใดก็ไม่สำเร็จทันใดนั้นเกอร์ดาก็ปรากฏตัวประตูสายลมที่กรีดแทงยอมสงบนิ่งเปิดทางให้เด็กหญิงเดินเข้ามาในพระราชวัง
เธอจำเขาได้ทันทีและโผเข้ากอดเขา
เคย์ เคย์ที่รัก! ในที่สุดฉันก็พบเธอ
แต่เคย์ยังคงนั่งนิ่งตัวเย็นแข็งอยู่ตรงนั้น
เกอร์ดาร้องไห้ และเมื่อน้ำตาอุ่นๆหยดลงบนตัวเด็กชาย มันก็ตรงไปยังหัวใจของเขา ละลายก้อนน้ำแข็ง และระเหยเศษกระจกที่ฝังอยู่ในนั้นออกไป เขามองมายังเธอ และเธอก็ร้องเพลง
...
ในหุบเขากุหลาบงามแย้มกลีบบาน จะพบพานพระบุตรน้อยในวัยเยาว์
...
เคย์ร้องไห้ออกมาทันที น้ำตาช่วยพัดพาเศษกระจกอีกชิ้นให้หลุดจากดวงตาของเขา
เขาจำเกอร์ดาได้แล้ว
ทั้งคู่หลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มปิติ แม้กระทั่งเศษน้ำแข็งยังลุกขึ้นมาเต้นรำเพื่อแสดงความยินดีจนอ่อนแรงและล้มลงไปเรียงตัวเป็นคำว่า นิรันดร
เกอร์ดาจุมพิตแก้มของเขา ทำให้มันกลับมามีสีชมพูอีกครั้ง เธอจูบตาทั้งสองข้างทำให้มันส่องประกายเหมือนของเธอ...เธอจูบมือและเท้าทำให้มันหายชาและมีเรี่ยวแรง
ทั้งคู่จูงมือกันเดินออกจากพระราชวัง
ทุกที่ที่พวกเขาย่างเท้าไปสายลมจะหยุดนิ่งและพระอาทิตย์จะส่องแสง
กวางเรนเดียร์และคู่ตัวเมียของมันมารับพวกเขากลับไปหาหญิงชาวฟินน์นางพาทั้งคู่นั่งเลื่อนไปส่งที่บ้านหญิงชาวแลปป

ขณะที่พวกเขาเดินทางกลับบ้านฤดูใบไม้ผลิได้มาเยือนแล้ว นกน้อยตัวแรกเริ่มร้องเพลง ต้นไม้เริ่มผลิยอดใหม่...พวกเขาพบแม่เสือน้อยขี่ม้าผ่านมาเธอตัดสินใจออกจากบ้านเดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศทางเหนือ
เกอร์ดาทราบข่าวจากแม่เสือน้อยว่า เจ้าชายกับเจ้าหญิงเดินทางไปต่างประเทศ และเจ้ากาหวานใจต้องเป็นหม้ายเพราะคู่ของมันตายจากไป
พวกเขาเดินจับมือกันมาถึงบ้าน ขึ้นบันไดไปบนห้อง
ที่นั่นทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหมือนกับตอนที่จากมาแต่เมื่อก้าวผ่านประตูเข้ามา พวกเขารับรู้ว่ามีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไป
ทั้งคู่เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
ดอกกุหลาบยังคงเบ่งบานอยู่นอกหน้าต่าง
ทั้งสองคนออกไปนั่งด้วยกันกลางสวนกุหลาบและจับมือของกันและกัน
คุณย่าของเคย์นั่งอยู่กลางแสงแดดอันอบอุ่นของพระผู้เป็นเจ้าและอ่านข้อความจากพระคัมภีร์ไบเบิลให้พวกเขาฟัง
หากแม้นท่านมิเป็นเช่นเด็กน้อยท่านจะไม่มีวันได้เข้าสู่อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า
เคย์และเกอร์ดามองตากันและในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจความหมายของเพลงสวดเก่าแก่ซึ่งร้องว่า
...
ในหุบเขากุหลาบงามแย้มกลีบบาน จะพบพานพระบุตรน้อยในวัยเยาว์
...
พวกเขานั่งอยู่ตรงนั้น เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แต่ยังคงเป็นเด็กในจิตใจ
ในฤดูร้อนอันอบอุ่นและงดงาม...
“...”
“?...วิว...หลับหรือเปล่าจ๊ะ
“...ปะเปล่าครับ
(อึ้ย...เกือบหลับแฮะ)
จบแล้วจ่ะ
เป็นเรื่องที่ดีมากเลยครับ...แต่ผมว่าที่ราชินีพาเคย์ไปผมคิดว่าเขาก็คงจะเหงานะ
แล้วถ้าเป็นวิวล่ะจ๊ะ...เธอจะเลือกใครระหว่างเกอร์ดากับราชินี
“...ถ้าเป็นผมหรอ...ผมอาจจะเลือกทั้งสองคนนะครับ..ถึงอาจจะดูว่าเห็นแก่ตัวแต่การที่จะปฏิเสธไมตรีที่เค้าได้มอบให้ผมทำไม่ลงแล้วถึงแม้ในเรื่องราชีนีอาจจะดูร้ายกาจแต่ลึกๆแล้วเขาอาจจะกำลังโดดเดี่ยวอยู่ก็ได้
“...”
(ยิ้ม?...จะว่าไปแล้วตลอดเวลาที่อาจารย์กิ่งเล่าเรื่องนี้ให้เราฟังดูท่าเธอจะมีความสุขมากเลยแฮะ)
“...เอ่อ...แล้วเคย์ของอาจารย์กิ่งเป็นคนแบบไหนหรอครับ
คิคิคิ...ตอนนี้ยังไม่มีหรอกจ่ะ...แต่ถ้าจะเลือกให้ใครเป็นเคย์สำหรับกิ่งแล้ว...คนนั้นอาจจะเป็นแบบ--
“?”
ฮัลโหล...สวัสดีค่ะ
“...........................”
ตอนนี้เลยหรอค่ะ
“..........................”
ค่ะ...งั้นเดี๋ยวกิ่งจะรีบไปน่ะคะ
“....”
วิวจ๊ะเดี๋ยวกิ่งไปทำธุระก่อนนะจ๊ะ...ไว้เจอกันใหม่นะ
ครับ
(เมื่อกี้เรียกตัวเองว่า กิ่ง สองรอบเลย หลงหรอ?...แต่ชั่งเถอะ...ยังง่วงนอนไม่หายเลยวุ้ย...) )
..................................................................................................
“............................”
“...?”
(โอ้ย!!...หลับไปจริงๆเลยเหรอว่ะ)
กี่โมงแล้วล่ะเนี่ย
“......................”
“?...!!!!”
“?”
...............................................................................................................


7 ความคิดเห็น:

  1. เป็นกำลังให้ให้สุขภาพแข็งแรง ร่ำรวย เพื่อจะมีตอนต่อไปเร็ว ๆ อิอิ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เช่นกันครับ ส่วนตอนต่อไป คิดว่าจะเริ่มลงในเร็วๆนี้ ดีใจนะครับที่ยังติดตามกันอยู่^^

      ลบ
  2. ขอบคุณครับ นิยายยาวอ่ะ (อยากได้บทวิวกะอ.กิ่งเยอะๆอ่ะ)อันนี้เป็นตอนต่อจากตอนที่แล้วรึว่าเท้าความหลังของวิวกับ อ.กิ่งก่อนได้เสียกันครับ เพราะจำได้ว่าวิวขึ้นไปบนชั้นสามกะจะนอน ถึงแม้ว่าจะเห็นผู้หญิงคนหนึ่งแต่ก็ไม่ได้สนใจแต่ไหงกลายเป็น อ.กิ่ง มาเล่านิทานให้ฟัง จะเป็นวิวเห็นผู้หญิงคนนั้นก่อนงีบเลยเก็บมาคิดรึเปล่าครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เป็นเรื่องราวก่อนที่วิวจะมีอะไรกับกิ่งครับ(จะว่าวิวกำลังฝันถึงเรื่องเก่าๆก็ไม่ผิด) ส่วนเพื่อความเข้าใจทั้งตอนก่อนๆและตอนต่อต่อไป คือถ้าจะดูว่าบทนั้นๆเป็นเรื่องราวในช่วงไหนจะสังเกตได้จาก วันที่และเวลาครับ แล้วอีกอย่างก็คือ()/วงเล็บ/ ผมจะใช้วงเล็บในการสื่อสิ่งที่ตัวละครกำลังคิดหรือนึกถึง

      ลบ
    2. ส่วนตอนต่อไปถ้าไม่มีอะไรขัดข้องน่าจะได้เริ่มลงตั้งแต่วันพรุ่งนี้นะครับ ส่วนเรื่องบทระหว่างกิ่งกับวิวก็น่าจะได้เพิ่มขึ้นตามลำดับรวมถึงตัวตนที่แท้จริงของกิ่งก็จะแสดงออกมามากขึ้นด้วย

      ลบ
    3. ฮี่ๆๆ งั้นดักรอก่อนแล้วกัน

      ลบ
  3. ขอเดือนมีนา กะ กุมภา เป็น 2 ตอนเลย พัฒนาการเขียนและการใช้ ร ล ได้ดีขึ้น มีหลุดบ้างขอพยามต่อไป อย่าถอดใจซะก่อน เอส.ที่เล่านิทานออกจะยาวไปป่าว

    ตอบลบ